เนื่องจาก โครงการ "ป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ปีที่ 2" โดย กองบังคับการปราบปรามการ กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก. ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ ได้ระดมกำลังเข้าตรวจค้นซอฟต์แวร์เถื่อนในองค์กรธุรกิจ ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ได้มีแก๊งค์มิจฉาชีพจับลิขสิทธิ์ ได้ทำการสวมรอย เป็นเจ้าหน้าที่เพื่อมาขอตรวจสอบลิขสิทธิ์ Windows ตามร้านค้าต่าง ๆ ร้านไหนตกเป็นเหยื่อ ไม่รู้เท่าทัน จะถูกยกเครื่อง และกรรโชกทรัพย์
วิธีตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่
1. ต้องมีหมายค้น (หมายค้นนะครับ ไม่ใช่บันทึกประจำวัน)
ตัวอย่างหมายค้น http://ict.in.th/26
ตรวจดูความถูกต้องของหมายค้นให้ละเอียด ชื่อร้าน บ้านเลขที่ วันที่ ที่ศาลอนุญาตให้เข้าตรวจ เวลาที่กำหนดไว้ ว่า กี่โมง ถึงกี่โมง
(1) ในกรณีที่ร้านไม่มีบ้านเลขที่ หรือไม่มีชื่อร้าน ในหมายจะต้องระบุอย่างละเอียดว่า เป็นบ้านไม่มีเลขที่ด้านซ้ายอยู่ติดกับร้านอะไร ด้านขวาอยู่ติดกับอะไร มีอะไรเป็นข้อสังเกตุ หรือชี้ชัดว่าเป็นร้านนี้
(2) ถ้าพิมพ์ชื่อร้านผิด หรือ บ้านเลขที่ผิด เราปฎิเสธไม่ให้ตรวจค้นได้ทันที
(3) ถึงมีหมายค้นมาแต่ถ้าเลยเวลาที่ศาลกำหนดไว้ หรือวันที่ไม่ตรง ก็เข้าตรวจค้นไม่ได้
2. มาพร้อมกับตำรวจชั้นสัญญาบัตร ที่มีชื่ออยู่ในหมายค้นด้วย
2.1 วิธีดูง่าย ๆ ว่าตำรวจชั้นสัญญาบัตรหรือไม่ คือ ต้องมี ดาวบนบ่าอย่างน้อย 1 ดวง
2.2 ขอดูบัตรตำรวจว่าชื่อตรงกับในหมายศาลไหม หมดอายุหรือยัง ถ้าหมดอายุแล้ว เราปฎิเสธไม่ให้ตรวจค้นได้ทันที
3. อนุญาตให้เฉพาะคนที่มีชื่อในหมายค้น อยู่ในร้าน คนที่ไม่มีชื่อบอกให้รอข้างนอกร้าน โดยให้เหตุผลว่าเราดูแลไม่ทั่วถึง
4. ต้องมีช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์มาด้วย
5. หากพบการกระทำความผิด ไม่มีการยกเครื่องใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะอายัดไว้ในที่เกิดเหตุ ตามแบบสากล
6. ไม่มีการเรียกร้องเงิน เพื่อให้ยอมความในชั้นตำรวจ
สำหรับแก๊งค์มิจฉาชีพจับลิขสิทธิ์ นั้น จะไม่มีหมายค้นจากศาลมา แต่มักจะเอาใบบันทึกประจำวันมาแอบอ้าง
ขอให้ทุกท่าน หนักแน่นเข้าไว้ " ไม่มีหมายศาล ไม่ให้ค้น "
ถ้าไม่มีหมายค้นมา ให้ไล่มิจฉาชีพเหล่านั้นออกไป ไล่ไม่ไป โทร 1195
กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ 24 ชม.
ที่มา http://www.ict.in.th/2907
อาจารย์ แมว
www.ICT.in.th
*****************************************************
*****************************************************
*****************************************************


Weekly Online ฉบับที่ 372

กรณีศึกษา ละครเป็นต่อ
"เจ๊มิ้นท์ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ผิดตรงไหน?"
"เจ๊มิ้นท์ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ผิดตรงไหน?"

ได้มีโอกาสดูละครซิทคอม เป็นต่อ ตอนดูบอลกับพริตตี้ มีช่วงหนึ่งของเนื้อหาเกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์เพลง บางท่านอาจสงสัยว่าลิขสิทธิ์เพลงเกี่ยวข้องอะไรกับร้านอินเตอร์เน็ต ถึงแม้ว่าแก่นแท้ของธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ตไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องของเพลงเลย แต่ทุกวันนี้คุณเชื่อไหม ว่าร้านอินเตอร์เน็ตถูกจับเรื่องลิขสิทธิ์เพลง มากกว่าลิขสิทธิ์ซอฟแวร์ และส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการ "หากิน"
เรื่องย่อ

ร้านเจ๊มิ้นท์เปิดเพลงไม่ถูกใจลูกค้า

ลูกค้าบอกเจ๊มิ้นท์ว่าอยากฟังเพลงวัยรุ่นใหม่ๆ

เจ๊มิ้นท์ จัดให้ตามความเรียกร้อง

ลุกค้าแสดงอาการ ถูกอก ถูกใจ

สักพักมาหลอกถามเจ๊มิ้นท์ ว่าเอาเพลงมาจากไหนมากมาย เจ๊มิ้นท์ตอบว่า แผ่นผี

ลูกค้าแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาตรวจจับลิขสิทธิ์

เจ๊มิ้นท์ร้องห่มร้องไห้ หลังจากเสียค่าปรับไป 5 หมื่นบาท
เจ๊มิ้นท์ละเมิดลิขสิทธิ์เพลง ผิดตรงไหน?
ประเด็นแรก ร้านอาหารบางบาร์ ของเจ๊มิ้นท์เปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง เรื่องนี้ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้วว่า "ร้านที่เปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง โดยไม่ได้เรียกเก็บเงินจากการฟังเพลงของลูกค้า ถือว่าไม่ผิด" (คำพิพากษาที่ 10579/2551)
ประเด็นที่สอง เราจะเห็นว่าในตอนแรกร้านเจ๊มิ้นท์ เปิดเพลงไม่ถูกใจลูกค้า และลูกค้า (ตัวแทนลิขสิทธิ์) ได้ล่อหลอกขอให้ เจ๊มิ้นท์เปิดเพลงที่ตัวเองต้องการ คือเพลงที่ตัวเองได้รับมอบลิขสิทธิ์มา ประเด็นนี้ก็ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาแล้วเช่นกัน "ตัวแทนลิขสิทธิ์ ได้เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด ย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้" (คำพิพากษาที่ 4301/2543)
ประเด็นที่สาม จากในละครเราจะเห็นว่าไม่มีตำรวจเลย ตามกฎหมายแล้ว "ราษฎรไม่สามารถจับราษฎรได้"
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องราวในละคร ที่เน้นความบันเทิงสนุกสนาน เฮฮา แต่ทีวีนั้นเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลหากนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายแล้วควรตรวจสอบก่อน เพราะไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการ ร้านค้าอื่นๆ จะเข้าใจผิด และทำให้กลุ่มมิจฉาชีพที่ออกหากินโดยอ้างการจับลิขสิทธิ์ ลอยหน้าลอยตาหากินกันอย่างสบายใจ และเรียกค่าปรับหลักหมื่น หลักแสน ชีวิตจริงใครเจอเข้ากับตัวคงไม่ขำ ฮาไม่ออก อาจจิตตกไปตลอดชีวิต
บทความโดย : อ.แมวหลวง
www.ICT.in.th กลุ่มร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ไทย
ขอขอบคุณภาพประกอบ จากละครเรื่องเป็นต่อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10579/2551
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์...” ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น “เพื่อหากำไร” เท่านั้น แต่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยเปิดแผ่นเอ็มพีสามและซีดีเพลงให้ลูกค้าในร้านอาหารได้ร้องและฟังเพลงของผู้เสียหาย 1 แผ่น “เพื่อประโยชน์ในทางการค้า” ขายอาหารและเครื่องดื่มของจำเลยแต่ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการที่ให้ลูกค้าได้ร้องและฟังเพลงโดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากลูกค้าในการเปิดเพลงดังกล่าวหรือเรียกเก็บรวมไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ตาม พ.ร.บ.จั้ดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4301/2543
เมื่อมีการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีแก่ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ได้ทั้งทางแพ่ง และทางอาญาซึ่งมีวิธีพิจารณาคดีและการรับฟังพยานหลักฐานที่แตกต่างกัน เมื่อโจทก์เลือกดำเนินคดีอาญาจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนี้ ในการที่ศาลจะลงโทษจำเลยตามคำฟ้องนั้น นอกจากโจทก์จะต้องนำสืบพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ให้ศาลเห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามคำฟ้องแล้ว ยังต้องได้ความว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้ด้วย
จำเลยที่ 1 ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องก่อนที่ ส. ซึ่งรับจ้างทำงานให้โจทก์จะไปล่อซื้อ แต่จะมีการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วมีการทำซ้ำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์หลังจากที่ ส. ตกลงซื้อกับจำเลยที่ 3 แล้ว จำเลยที่ 3 ต้องการแถมโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้แก่ ส. ตามที่ได้ตกลงกันในวันที่ ส. ไปล่อซื้อ พนักงานของจำเลยที่ 1อาจนำแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรเครื่องต้นแบบเข้ามาใช้เป็นต้นแบบบันทึกถ่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ลงไปในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องที่ ส. ล่อซื้อในช่วงเวลาหลังจากที่จำเลยที่ 1 ประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โรงงานเสร็จและส่งไปที่สำนักงานจำเลยที่ 1 เพื่อรอส่งมอบแก่ลูกค้าที่สั่งซื้อตามเวลาที่นัดไว้ การทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของโจทก์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ ส. ล่อซื้อนั้นเป็นการทำซ้ำอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์หลังจากวันที่ ส. ไปล่อซื้อแล้วเพื่อมอบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำซ้ำให้แก่ ส. มิใช่ทำซ้ำโดยผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดอยู่แล้วก่อนการล่อซื้อ น่าเชื่อว่าการกระทำผิดดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของ ส. ซึ่งได้รับจ้างให้ล่อซื้อจากโจทก์ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำผิดโจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ข้อมูลเพิ่มเติม
คำพิพากษาศาลฎีกา คดีร้านขายอาหาร และเครื่องดื่ม เปิดเพลง MP3, ซีดี ให้ลูกค้าฟัง
คำพิพากษาศาลฎีกา บ.ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ล่อซื้อ บ.เอเทค คอมพิวเตอร์ ศาลยกฟ้อง
ที่มา http://ict.in.th/8164
**************************************************************************
**************************************************************************
**************************************************************************

จับลิขสิทธิ์แท้ หรือแค่หากิน
ประเทศไทยได้มี "พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗" โดยเจตนาแล้วต้องการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของ "ผู้สร้างสรรค์ผลงาน" แต่ด้วยคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถึงแม้จะเป็นความผิดส่วนตัว แต่กฎหมายได้กำหนดไว้ให้เป็นคดีอาญา แต่เป็นความผิดอันยอมความได้ มีทั้งโทษจำคุก และโทษปรับ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดอาชีพใหม่ในสังคมไทย คืออาชีพจับลิขสิทธิ์ บริษัทต่างๆ ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ได้มอบอำนาจให้ตัวแทนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีทั้งผู้ที่ต้องการปกป้องลิขสิทธิ์ของบริษัทอย่างแท้จริง แต่ที่สร้างปัญหาให้สังคมร้านอินเตอร์เน็ต และผู้ประกอบการที่ทำอาชีพเกี่ยวข้องกับสินค้าลิขสิทธิ์ก็คือ เหล่า "มิจฉาชีพจับลิขสิทธิ์เพื่อกรรโชกทรัพย์" นั่นเอง และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการตรวจจับลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นอย่างไร เรามาดูตัวอย่างกรณีศึกษาจากเรื่องจริง เหตุการณ์จริงไปพร้อมๆ กันครับ (ดูคลิปวิดีโอแบบเต็มๆ ได้ที่ http://ict.in.th/4646)

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : มาจากบริษัท...
เจ้าของร้าน : ขอนามบัตรหน่อยครับ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : ผมไม่ให้ตอนนี้
เจ้าของร้าน : เอ้า..ไม่ใช่ ผมจะซื้อ คุณไม่ให้ผมล่ะ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : เออเดี๋ยวครับ ตอนนี้ 1. มันเป็น.. (หันไปบอกเพื่อน ลิขสิทธิ์เสื้อสีส้มให้ช่วยอธิบาย)

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : คือรายละเอียดตรงนี้เนี่ย พี่ต้องการจะดำเนินการยังไงครับ ?
เจ้าของร้าน : คือยังไงล่ะ ผมต้องการจะซื้อสิทธิ์ เพื่อจะเปิดร้านต่อ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : เบื้องต้นทางบริษัทได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ เพราะฉะนั้นเนี่ยตรงนี้ก็โอเค ถ้าพี่ไม่ประสงค์ที่จะไปพบพนักงานสอบสวน ผมก็ต้องนำหลักฐานตรงนี้นะครับไป
เจ้าของร้าน : คุณจะเอาหลักฐานไป ผมขอหมายศาลก่อนครับ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : รายละเอียด...คุณก็ (อ้ำอึ้ง) โอเค...ตรงนี้ผมก็ต้องดำเนินการเฉพาะรูปถ่าย นะครับ ไปพบพนักงานสอบสวน โอเคงั้นก็ไม่เป็นไร งั้นเราเข้าใจกัน นะครับ แล้วตรงนี้เนี่ย
เจ้าของร้าน : แล้วเนี่ยผมจะติดต่อขอซื้อสิทธิ์ตรงนี้ ผมจะทำยังไงได้ ?

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : ถ้าสมมุติคุณจะติดต่อขอซื้อสิทธิ์ นะตรงนี้เนี่ยนะครับ ทางบริษัทก็ยังไม่สามารถที่จะดำเนินการให้ได้ เพราะ 1. ยังติดคดีความ อยู่
เจ้าของร้าน : อ๋อ...แล้วถ้าเกิดผมขอยกเลิกร้านนี้ ไปเลยล่ะ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : ก็...อันนั้นคือแล้วแต่พี่
เจ้าของร้าน : ไม่ใช่ ผมถามหน่อยก่อน เพราะเนี้ยผมติดต่อ และผมยืนยันว่าผมจะซื้อแล้ว

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) : แล้วแต่พี่ว่าพี่จะดำเนินการยังไง

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : เลิกร้านไป เปลี่ยนชื่อร้านติดต่อใหม่
เจ้าของร้าน : ผมไม่ทำแล้ว คือจริงๆ ผมพูดตรงๆ นะ ผมยอมเลย

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : ทำมานานยัง

เจ้าของร้าน : ก็เนี่ย47 นี่ตั้งแต่เปิดร้านเลยปี 46 พอผมได้ยินรู้ลิขสิทธิ์มาปุ๊ป ผมซื้อเลย ผมติดต่อซื้อเลย

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีส้ม) :โอเคถ้างั้นก็ ตรงนี้เดี๋ยวผมก็ต้องเอารวบรวมหลักฐานไปพบร้อยเวร

เจ้าของร้าน : เดียวจะไปร้อยเวรใช่ไหมครับ สน.บางเขนใช่ไหมครับ

ลิขสิทธิ์ (เสื้อสีเทา) : ถือใบนี้ไปด้วย

เจ้าของร้าน : ผมจะไปทำอะไรล่ะ ฮ่าฮ่า ผมไม่ต้องไปทำอะไรเลยนี่ครับ

เมื่อกลุ่มที่กล่าวอ้างว่ามาตรวจจับลิขสิทธิ์หันหลังเดินออกจากร้าน

ได้มีเสียงจากเด็กในร้านร้อง ไชโย !

กลุ่มลิขสิทธิ์ 3 คน ได้เดินออกนอกร้านไปสมทบกับพวกที่ยืนรออยู่หน้าร้านอีกหลายคน

ข้อสังเกต
1. น่าแปลกใจไหม เจ้าของร้านขอนามบัตร ก็ไม่ให้ ต้องการติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ให้ถูกต้องก็ไม่ขาย

2. เข้ามาในร้าน 3 คน แต่ไม่มีตำรวจมาด้วย ตามกฎหมายแล้ว "ราษฎรไม่สามารถจับราษฎรได้"

3. หมายค้นก็ไม่มี คดีละเมิดลิขสิทธิ์ เป็นความผิดส่วนตัว เจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรวบรวมหลักฐานเพื่อขอให้ศาลอนุมัติหมายค้น ในหมายค้นจะมีระบุเวลาเอาไว้ว่า ตรวจค้นได้ตั้งแต่กี่โมง ถึงกี่โมงครับ ที่สำคัญต้องมีตำรวจชั้นสัญญาบัตรมาด้วย

4. เรื่องที่หลายคนสงสัย ว่ากลุ่มลิขสิทธิ์เข้ามาในร้านเรา เราถ่ายรูปได้ไหม เพราะเวลาเราจะถ่ายรูปทีไรคนพวกนี้มักโวยวาย
เจ้าของร้าน หรือผู้ดูแลร้านมีสิทธิ์ในสถานที่ของตนเองเต็มที่ครับ ในทางกลับกันหากผู้อื่น หรือกลุ่มจับลิขสิทธิ์ จะถ่ายรูป จะต้องขออนุญาตเจ้าของร้าน หรือผู้ดูแลร้านก่อน และเราสามารถสั่งห้ามกลุ่มจับลิขสิทธิ์ ไม่ให้ถ่ายรูปได้ด้วย ถ้าฝ่าฝืนเราสามารถแจ้งความได้ คุณสามารถติดป้ายไว้ที่หน้าร้านว่า "ห้ามถ่ายรูป ทุกชนิด"

5.มาตรวจจับลิขสิทธิ์ ไม่ได้ตรวจจับยาเสพติด มาทำอะไรกันร่วม 10 คน ที่ผ่านมามีหลายเหตุการณ์ที่กลุ่มจับลิขสิทธิ์ มากันนับ 10 คน และพวกที่รออยู่หน้าร้านก็เพื่อรอสัญญาณให้ขนเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกมในร้านนั่นเอง เพื่อนำไปเป็นเครื่องต่อรองราคา "ถ้าอยากได้เครื่องคอมพิวเตอร์คืน ต้องจ่ายเงินเท่านั้น เท่านี้"

6. ดึกแล้วไม่หลับไม่นอน คดีละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ได้เป็นคดีเร่งด่วนอะไรปานนั้น มาตอนเช้าก็ได้นะ แถมหมายศาลก็ไม่มี
อนึ่งการตั้งข้อสังเกตนี้เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ผู้ประกอบการร้านอินเตอร์เน็ตเท่านั้น กลุ่มตรวจจับลิขสิทธิ์ในภาพ มีสิทธิ์จริงหรือไม่ เจ้าของร้านจะถูกหรือผิดนั้น แค่คลิปวิดีโอแค่นี้ ไม่สามารถทราบได้
บทความโดย : อ.แมวหลวง
www.ICT.in.th กลุ่มร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ่ ไทย
ที่มา http://ict.in.th/5953.110
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น