องค์ประกอบคอมพิวเตอร์
หน่วยรับเข้า
1. อุปกรณ์รับเข้าแบบกด ยกตัวอย่างเช่น แผงแป้นอักขระ นิยมเรียกว่า คีย์บอร์ด ใช้พิมพ์คำสั่ง ข้อมูลเข้าไป เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมี
คีย์บอร์ดส่วนใหญ่ทุกยี่ห้อมีการทำงานคล้ายกันจะทำงานพื้นฐานเหมือนกัน เพียงรุ่นใหม่ๆ จะมีปุ่มเพิ่มขึ้นเพื่อทำงานพิเศษ เช่น เรียกเมนูได้ เพิ่มลดเสียงได้แต่หลักการทำงานจะมีพื้นฐานเหมือนกัน ส่วนภาษาสามารถควบคุมได้ด้วยโปรแกรม
2. อุปกรณ์รับเข้าแบบชี้ตำแหน่ง ที่เราคุ้นเคยกันก็คือ เมาส์ มีอยู่ 2 แบบ คือ
2.1 แบบทางกล ที่ใช้ทำงานทั่วไปจะมีลูกกลิ้งกลมๆ อยู่ด้านใต้ตัวเมาส์ หลักการทำงาน เมื่อเคลื่อนเมาส์ไปลูกกลิ้งจะเคลื่อนที่ตามแนวแกน x แกน y เวลาสั่งงานก็จะชี้ไปที่สัญลักษณ์รูป ที่นิยมเรียกว่า ไอคอน ทำให้สะดวกและไม่ต้องจำคำสั่งมากมายก็สามารถสั่งงานได้
2.2 แบบใช้แสง จะอาศัยหลักการส่งแสงลงไป
บนแผ่นรองเมาส์ตามแนวแกน x แกน y
เมื่อเคลื่อนที่ไปจะมีแสงตัดผ่านตารางและสะท้อนกลับขึ้นมาให้ทราบตำแหน่งการเคลื่อนที่
แต่แผ่นรองเมาส์ควรสะท้อนแสงได้ดี
เมาส์ชนิดนี้ไม่มีลูกกลิ้งอยู่ด้านใต้
ส่วนช่องทางการเชื่อมต่อปัจจุบันมีช่องทางในการเชื่อมต่อที่เรียกว่าพอร์ตจะมีอยู่ 2 ชนิด ทั้งคีย์บอร์ด และเมาส์
- พอร์ตแบบ PS/2 นี้จะมีลักษณะหัวกลมบน
- พอร์ตแบบ USB จะเป็นหัวแบน เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่กว่าทำให้ส่งข้อมูลได้ดีกว่า
ส่วนช่องทางการเชื่อมต่อปัจจุบันมีช่องทางในการเชื่อมต่อที่เรียกว่าพอร์ตจะมีอยู่ 2 ชนิด ทั้งคีย์บอร์ด และเมาส์
- พอร์ตแบบ PS/2 นี้จะมีลักษณะหัวกลมบน
- พอร์ตแบบ USB จะเป็นหัวแบน เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่กว่าทำให้ส่งข้อมูลได้ดีกว่า






3.1 ปากกาแสง (Light Pen) อุปกรณ์ชนิดนี้จะไวต่อแสงสามารถวาดรูปได้แล้วยังสามารถทำได้เช่นเดียวกับเมาส์ นำไปชี้ตำแหน่งบนจอภาพเพื่อสั่งงานได้อีกด้วย โดยมีปลายสายเชื่อมต่อเข้าไปที่คอมพิวเตอร์ นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ชนิดพกพาหรือปาล์มทอป

5.1 เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Barcode Reader) เราจะพบเห็นรหัสแท่ง หรือบาร์โค้ด อุปกรณ์ที่ใช้อ่านบาร์โค้ดเป็นอุปกรณ์เฉพาะ หลักการทำงานเมื่อนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มา แล้วใช้เครื่องอ่านบาร์โค้ดยิงลำแสงไปยังรหัสบาร์ เครื่องจะทำการแปลงรหัสที่ได้เป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งผ่านสายสัญญาณไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้โปรแกรมซึ่งจะต้องสร้างขึ้นเฉพาะนำไปประมวลผล ส่วนใหญ่ใช้ในห้างสรรพสินค้า
นอกจากนี้แล้วยังมีอุปกรณ์รับเข้าที่ทำงานเฉพาะสำหรับคนที่มีความบกพร่องด้านต่างๆ ด้านการฟัง ด้านสายตา ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์แต่ยังไม่สามารถสนองตอบได้ดีนัก

************************************************************************
หน่วยประมวลผลกลาง
หรือ ซีพียู ย่อมาจากคำเต็มว่า
Central Processing Unit หรือ เรียกว่า ไมโครโพรเซสเซอร์
ทำหน้าที่ นำคำสั่ง
ข้อมูลที่เก็บอยู่ในหน่วยความจำมาแปลความหมายแล้วทำตามคำสั่งนั้น
การทำงานก็จะมีการคำนวณ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เปรียบเทียบข้อมูลจำนวน มากกว่า
น้อยกว่า หรือเท่ากัน
เคลื่อนย้ายข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ซีพียูเปรียบได้กับสมองของมนุษย์ คอยควบคุมการทำงานของอวัยวะในร่างกาย เหมือนกับควบคุมส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ หน่วยประมวลกลาง มีหน่วยสำคัญที่ทำงานประสานกับ 2 หน่วย คือ หน่วยควบคุม และหน่วยคำนวณและตรรกะ

2. หน่วยคำนวณและตรรกะ จะทำหน้าที่รับข้อมูลจากหน่วยความจำมาเก็บไว้ใน ริจิสเตอร์ แล้วทำการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เปรียบเทียบข้อมูล แล้วส่งผลไปเก็บที่หน่วยความจำเพื่อใช้งานต่อไป โดยการส่งผ่านข้อมูลจะมีช่องทางการเดินทางของข้อมูลจากอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งไปอีกชิ้นหนึ่งเรียกว่า บัส
ปัจจุบันเวลาจะซื้อเครื่องก็ต้องดูจากซีพียูเป็นหลักว่าต้องการยี่ห้อใด เช่น บริษัทอินเทล ก็จะเป็น pentium 4 บริษัทเอเอ็มดี เช่น Athlon แต่อุปกรณ์ที่พูดถึงจะต้องมีแผงวงจรมาเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าด้วยกัน เป็นแผงวงจรหลัก หรือเมนบอร์ด ก็จะนำอุปกรณ์เสียบต่อลงไปเพื่อให้ทำงานประสานงานกันได้


********************************************************************************
หน่วยความจำหลัก
ทำหน้าที่
เก็บข้อมูลคำสั่งไว้ให้ซีพียูเรียกไปใช้งานได้โดยตรง เพื่อจะได้ทำงานได้เร็วขึ้น
แต่ข้อมูล คำสั่งพวกนี้จะหายไปถ้าไม่มีกระแสไฟฟ้าเลี้ยง
เป็นหน่วยที่ต่อกับหน่วยประมวลผลกลางเพื่อให้หน่วยประมวลกลาง
เรียกใช้งานข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ได้เร็วขึ้น แบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่1. รอม (Read Only Memory: ROM) เป็นหน่วยความจำชนิดอ่านอย่างเดียว จะบรรจุโปรแกรมที่ขนาดเล็กไว้ ชื่อ ไบออส (Basic Output System : BIOS ) เพื่อทำการเรียกระบบปฏิบัติการมาฝังไว้ในหน่วยความจำ


2.1 ไดนามิกแรม จะเป็นแรมที่นิยมใช้ในคอมพิวเตอร์เพราะ ราคาไม่แพง มีความจุสูง แรมชนิดนี้มีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ยกตัวอย่างเช่น
- ชนิดที่ 1 FPM DRAM หรือเรียกว่า ดีแรม แรมชนิดนี้จะใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียู 286 386 และ 486 สังเกตจะมี 30 ขา ปัจจุบันหายากมาก

- ชนิดที่ 2 EDO RAM จะใช้กับเครื่องรุ่น Pentium เป็นต้นไป มี 72 ขา

- ชนิดที่ 3 SD RAM มี 168 ขา ทำงานที่ความเร็วบัส 66 MHz เป็นต้นไป

- ชนิดที่ 4 DDR SDRAM ทำงานได้เร็วเป็น 2 เท่า ของ SD RAM

- ชนิดที่ 5 RDRAM หรือ แรมบัส รับส่งข้อมูลได้เร็ว แต่ข้อเสียคือมีราคาแพง

*****************************************************************************
หน่วยความจำสำรอง
ทำหน้าที่ เก็บข้อมูล
เนื่องจากหน่วยความหลักจะมีขนาดจำกัด
และเมื่อเวลาไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงสิ่งที่อยู่ภายในนั้นจะสูญหายไป
หน่วยความจำรองจะมีบทบาทในการเก็บสำรองข้อมูลไว้ใช้งานในครั้งต่อไป1. แผ่นบันทึก หรือเรียกว่า แผ่นดิสก์ ดิสก์เก็ต มีทั้งแบบ 5.25 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว แต่ในปัจจุบันมีเพียง 3.5 นิ้ว มีความจุประมาณ 1.44 MB นอกจากนี้แล้วยังมีบริษัทผลิตอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายแผ่นดิสก์เก็ตนี้แต่มีความจุสูงกว่า ราคาก็จะแพงตามไป ใช้ชื่อทางการค้าต่างๆ กัน เช่น SuperDisk หรือ Zip Disk ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะต้องใส่ของในอุปกรณ์ขับเคลื่อนที่เรียกว่า ไดร์ฟ

2.1 แบบ SCSI จะมีแผงควบคุมมาให้เชื่อมต่อ จะส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่าแบบ IDE



แบบ ATA IDE

แบบ Serial ATA
3. ออปติคัลดิสก์ ใช้เทคโนโลยีจานแสง ที่รู้จักทั่วไปก็คือ
ซีดีรอม มาจาก Computer Disk Read Only Memory ความจุประมาณ 700 MB
บันทึกข้อมูลได้ครั้งเดียว ไม่สามารถนำมาบันทึกได้ใหม่ เช่น เพลง สื่อการสอน
ภาพยนต์ แต่ปัจจุบันมีชนิดที่อ่านและเขียนซ้ำได้ เรียกว่า CD-RW



*********************************************************************************
หน่วยส่งออก
ทำหน้าที่
นำข้อมูลออกจากหน่วยความจำหลักมาแสดงผลให้เห็นทางจอภาพ
ถ้าต้องการฟังเสียงก็แสดงออกทางลำโพง ถ้าต้องการอ่าน ก็พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์
หน่วยส่งออก เรียกว่า Output แบ่งได้เป็นส่งออกชั่วคราว หรือถาวร ชั่วคราวก็เช่น
จอภาพ อาจแสดงผลทางจอภาพ จอภาพก็จะมีแบบ CRT และแบบ LCD 1. หน่วยส่งออกแบบ CRT นี้ จะใช้เทคโนโลยียิงอิเล็กตรอนไปที่ผิวด้านในของจอภาพผิวซึ่งฉาบด้วยสารฟอสฟอรัส บริเวณที่ถูกแสงจะถูกอิเล็กตรอนจะเกิดแสงสว่าง ทำให้เห็นเป็นภาพ พัฒนาการ ขอจอภาพชนิดนี้ก็มีต่อเนื่องมาตลอด ทำให้มีความละเอียดมากประมาณ 1024 x 768 นิ้ว จุดต่อตารางนิ้ว ส่วนสีก็แสดงได้มากกว่า 256 สี


4.1 เครื่องพิมพ์แบบจุด (Dot Matrix Printer) ลักษณะการทำงานจะใช้หัวเข็มกระแทรกลงไปบนผ้าหมึกเกิดเป็นตัวอักษรบนกระดาษ มีชนิด 9 หัวเข็ม 24 หัวเข็ม จำนวนเข็มมากก็จะมีความละเอียดมากขึ้นดูจากคำว่า DPI : Dot per Inch มีทั้งแคร่สั้นและแคร่ยาว สังเกตง่ายๆ เวลาพิมพ์จะมีเสียงดัง







ที่มา : http://srayaisom.dyndns.org/hardware/index.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น